ความสัมพันธ์ระหว่าง สตีฟ โรเจอร์ส และ โทนี่ สตาร์ค เกิดความร้าวฉานขึ้นในภาพยนตร์เรื่อง “Captain America: Civil War” ในตอนที่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ก้าวเข้าสู่กองถ่ายของภาพยนตร์มาร์เวลเรื่อง “Captain America: Civil War” ในฐานะ โทนี่ สตาร์ค/ไอรอน แมน เขารู้สึกว่ามันเป็นการหวนคืนสู่ความรู้สึกที่ต่อเนื่อง ของอิสรภาพและความร่วมแรงร่วมใจกัน ที่เขาชื่นชอบนับตั้งแต่เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกภาพยนตร์มาร์เวลในครั้งแรก
เจ้าของบทบาทสำคัญนี้ มีเรื่องน่าตื่นเต้นมากมายที่รอ โทนี่ สตาร์ค อยู่ ตั้งแต่ตอนเปิดเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ ความบาด หมางเกิดขึ้นจากการที่ สตีฟ โรเจอร์สและโทนี่ สตาร์ค เลือกยืนอยู่คนละฝ่ายของสนธิสัญญาโซโคเวีย ซึ่งเสนอให้รัฐบาลเข้าควบคุมพวกอเวนเจอร์ส น่าสนใจที่พวกเขากลับเลือกในฝ่ายที่ตรงข้ามกับที่ผู้ชมคาดคิด นั่นคือสตีฟต่อต้านการเข้าแทรกแซงของรัฐบาล ในขณะที่โทนี่กลับสนับสนุนเรื่องนี้ แต่ดาวนีย์ก็ยอมรับการหักมุมนี้อย่างสบายๆ
“ตอนนี้ มันกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดมหึมาแล้ว แต่ที่สุดแล้ว ในตอนที่มีแค่ผมรับบท โทนี่ สตาร์ค เพื่อที่ผมจะถ่ายทอดความเป็นเขาออกมาได้จริงๆ ผมก็ยังคงสนุกอยู่ดีครับ “Civil War” เป็น “ไอเดียที่ชาญฉลาดและเซ็กซี่สุดๆ ของมาร์เวล คุณไม่อยากจะเห็นตัวละครสองตัวนี้เกิดรอยบาดหมางในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาหรอกครับเพราะคุณรู้ว่ามันจะย่ำแย่ได้แค่ไหน มันก็เลยทำให้คุณได้เล่นกับความร้าวฉานประมาณหนึ่ง ผมชื่นชอบไอเดียที่ว่าคุณจะฟื้นตัวจากเรื่องแบบนั้นยังไง จะต้องเกิดอะไรขึ้นถึงจะมีความรู้สึกเหมือนๆ จะคืนดีกันได้หลังจากที่เกิดความบาดหมางแบบที่เกิดขึ้นระหว่างสตีฟและโทนี่น่ะครับ
ความคิดของผมในการรับบท โทนี่ สตาร์ค คือไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาก็จะไม่แปลกใจกับมันครับ เขาคิดว่าที่เขาทำไปมันมีเหตุผล ซึ่งเขาอาจจะคิดถูกก็ได้ ถ้าเขาไม่ถูก ตอนหลังเขาก็จะรู้เอง แต่มันก็มีบางช่วงเวลาที่คุณจะเห็นว่าพวกเขารู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำครับ พวกเขาบอกว่าสิ่งต่างๆจะเกิดขึ้นแบบคูณสาม ตอนนี้เป็ปเปอร์ก็เหมือนๆกับจะงอนเขาอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเลยกำลังต้องการการเยียวยา เขาได้เผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าที่เขาหยั่งเชิงไม่ได้แบบตัวต่อตัว แล้วก็เกิดเรื่องของสนธิสัญญาโซโคเวีย และเขาก็จำใจต้องจับมือกับแธดดิอุส รอส มันเป็นเรื่องราวที่เจ๋งจริงๆ มันมีองค์ประกอบที่แตกต่างกันมากมายผสมปนเปอยู่ในเรื่องนี้ครับ โทนี่ได้เผชิญหน้ากับชาวเมืองคนหนึ่งที่มายืนตรงหน้าเขา และทำให้ความคิดของเขาวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องความเสียหายที่เกิดจากฝีมือของพวกอเวนเจอร์ส โทนี่มองย้อนกลับไป เขาเริ่มได้สติและทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง นั่นคือการเลือกมุมมองแบบคนหัวเก่า ซึ่งก็ไม่มีคนอื่นที่ดีไปกว่าเขาอีกแล้วที่จะทำแบบนั้นเพราะครั้งที่แล้ว เขาได้เห็นจาร์วิสเปลี่ยนกลายเป็นคนตัวม่วงที่เป็นจักรกลประดิษฐ์ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง และดูเหมือนจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง เขาสามารถยกค้อนของธอร์ได้ก็จริง แต่เขาก็เพี้ยนๆ เขาไม่ใช่จาร์วิสอีกต่อไปแล้ว โทนี่ไม่เคยตั้งใจที่จะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขามองเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา และในความคิดของเขา เขาทำถูกแล้วที่สนับสนุนสนธิสัญญาโซโคเวียครับมีการปะทะคารมกันหลายครั้ง แต่ผมคิดว่าตามความคิดของโทนี่ ความทรงจำที่พ่อเขามีต่อสตีฟต่างจากความจริง และเพื่อนซี้ของเขาเป็นคนที่สร้างปัญหาทั้งหมดนี่ นอกจากนั้นที่เขาทำให้ทุกอย่างยุ่งยากก็เพราะเขามองว่าเขาถูกต้อง และเขาก็ไม่ได้ทำตัวในแบบที่โทนี่คิดว่าถูกต้องซะทีเดียว เขาเก็บงำความลับเอาไว้ เขากำลังทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเองและเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีปัญหาและอันตรายมากๆ ซะด้วย ดังนั้นสำหรับผมที่เป็นพ่อวัยกลางคน ที่มีลูกๆ ที่อยู่ในช่วงอายุต่างๆ กันไป มันเหมือนกับว่าโทนี่อยู่ในสถานะของพ่อ และเขาก็รู้สึกเหมือนว่าสตีฟเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้ความรับผิดชอบน่ะครับ”
แม้ว่าทีมกัปตันจะมีสมาชิกของอเวนเจอร์สที่มีฝีไม้ลายมือไม่น้อย แต่ทีม ไอรอน แมน ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันอย่างที่ดาวนีย์พูดไว้อย่างภาคภูมิใจว่า “ผมดีใจสุดๆ ที่ได้แบล็ค วิโดว์ มา ตั้งแต่ ‘Iron Man II’ นาตาชา หรือแบล็ค วิโดว์ ไม่เคยอยู่กับโทนี่ โดยที่คนใดคนหนึ่งไม่พยายามจะหลอกลวงอีกฝ่ายหนึ่งเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจาก ‘Captain America: The Winter Soldier’ และด้วยความที่เธอกับกัปตันสนิทกันมาก ผมก็ไม่คาดคิดเลยว่ารูปการณ์จะออกมาเป็นแบบนี้ มันเพอร์เฟ็กต์เลย การยื้อตัวเธอมาจาก นิค ฟิวรี่ ได้ก็เป็นไอเดียที่เจ๋งและชาญฉลาดจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเราไม่อยากจะอยู่ในโลกที่โรดี้และโทนี่ สตาร์คไม่ได้เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม พวกเขาผ่านอะไรต่างๆ มาด้วยกันมากมายจนมันคงเป็นการสร้างรอยร้าวมากเกินไปถ้าพวกเขาจะต้องแยกทางกันเดิม แล้วทีมของโทนี่ก็ระดมสมัครพรรคพวกด้วยเหมือนกันครับ”
แต่แม้ว่า สตีฟ โรเจอร์ส และ โทนี่ สตาร์ค จะไม่ได้รู้สึกรักใคร่กันซักเท่าไหร่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ความรู้สึกที่ว่าก็ไม่ได้ส่งผลต่อชีวิตจริงของพวกเราเลยครับ ผมว่าคริสเป็นเหมือน สเปนเซอร์ เทรซี่ แห่งโลกมาร์เวลครับ เขายืนอยู่ตรงนั้น พูดความจริง และโชว์ฝีไม้ลายมือในแบบที่คุณเชื่อได้จริงๆ ความฟิตเขาก็สุดยอด กัปตัน อเมริกาเป็นตัวละครที่เปิดตัวได้ยากที่สุด แต่คริสทำได้ทั้งในภาคแรก ภาคสอง ในอเวนเจอร์สทั้งสองภาค และเขาก็กำลังทำมันอีกครั้งหนึ่ง ผมคิดว่าเขาไม่รู้สึกทำตัวไม่ถูกหรอกครับ แต่เขาแปลกใจและอึ้งมากกว่ากับความรักมากมายที่เขาได้รับ ครั้งนี้ คนที่เคยปรากฏตัวในโลกภาพยนตร์ของมาร์เวลมาก่อน จะได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในรูปแบบที่สำคัญกว่าเดิมครับ วิลเลียม เฮิร์ท ก็กลับมารับบท แธดดิอุส รอส อีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความยินดีให้กับดาวนีย์มาก ถ้าคุณมีวิลเลียม เฮิร์ท มันก็เมคเซนส์ที่จะใช้เขาและผมคิดว่าเขาสร้างบทรอสขึ้นมาเป็นตัวละครที่เจ๋งจริงๆ มันตลกเพราะตัวโทนี่ก็ทำตัวกับเขาต่างจากเดิมในแบบที่พิลึกหน่อยๆ แต่ผมชอบเขาครับ ผมสามารถนั่งมองเขาทำงาน หรือใช้เวลาอยู่กับเขาแล้วพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการนั่งสมาธิหรือประวัติศาสตร์ก็ได้ ผมมองตัวเองว่าแนวทางการก้าวไปข้างหน้าที่ดีที่สุดของผมจะไม่ต่างจากเขาเพราะเขายังคงหาความรู้ใส่ตัวเองอยู่เสมอๆ คุณจะเห็นได้ว่าเขาเป็นคนแบบคนรุ่นเก่า แต่เขาก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันในแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักแสดงคนอื่นๆ ด้วยครับ”
การร่วมงานกับ ผู้กำกับแอนโธนี่ และโจ รุสโซเป็นครั้งแรกเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับดาวนีย์ “ผมไม่มีอะไรที่ไม่ชอบพวกเขาในฐานะผู้กำกับเลย พวกเขารับได้กับการที่ผมชอบเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ผมก็เลยก้าวถอยหลังและทำตามการชี้นำของพวกเขา มันเป็นเหมือนการจับคู่เต้นรำของงานสร้างสรรค์ในแบบที่คุณอยากจะเจอครับ ครั้งนี้ผมรู้สึกว่าผู้ชมจะแปลกใจและสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับการเดินทางของกัปตัน อเมริกาในครั้งนี้จากการตัดสินใจของเขา การนำเสนอแง่มุมฮีโร่แบบฟ้าบันดาลของโทนี่เป็นเรื่องที่ง่ายดายและเป็นที่คุ้นเคยอยู่แล้ว เขามักจะทำให้เรื่องต่างๆ ยุ่งเหยิงขึ้นเสมอแต่เขาก็มีความปรารถนาดี เพียงแต่ในหนังเรื่องนี้ คุณจะสงสัยว่ากัปตันคิดอะไรอยู่กันแน่ เขาเจอกับความสูญเสียบางอย่างในช่วงเริ่มต้นเรื่อง และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เขาอยากจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานที่เขามีมาเนิ่นนานแล้วน่ะครับ”
เกร็ดน่ารู้
– ในการนำ “กัปตัน อเมริกา: ซิวิล วอร์” มาสู่จอภาพยนตร์ ทีมผู้สร้างจะต้องตัดสินใจเลือกว่าอเวนเจอร์คนไหนจะมาร่วมทีมกัปตัน และคนไหนจะมาร่วมทีมไอรอน แมน หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทีมผู้สร้างตัดสินใจที่จะแยกตัวละครโดย แซม วิลสัน, บั๊คกี้ บานส์, ฮอว์คอาย, แอนท์-แมน, และ สการ์เล็ต วิทช์ อยู่ทีม กัปตัน อเมริกา โดยมีแบล็ค วิโดว์, วอร์ แมชชีน, วิชั่น, และ แบล็ค แพนเธอร์ อยู่ทีม โทนี่ สตาร์ค
– เนื่องจากเรื่องราวใน “กัปตัน อเมริกา: ซิวิล วอร์” เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก การถ่ายทำจึงปักหลักอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยอย่าง ไพน์วู้ด แอตแลนต้า สตูดิโอส์ และแยกทีมต่างๆออกไปถ่ายทำที่ เยอรมันนี, ออสเตรีย, ไอซ์แลนด์, ปอร์โต ริโก้, อินโดนีเซีย, บราซิล, และสหราชอาณาจักร ตามตารางการถ่ายทำ
– นอกจากโรงถ่ายในไพน์วู้ด ทีมผู้สร้างยังใช้ประโยชน์จากสถานที่ต่างๆในแอตแลนต้าในการถ่ายทำหลายซีน หนึ่งในนั้นคือลำห้วยขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่าในตัวเมืองแอตแลนต้าเพื่อสร้างเป็นฉากเมืองลากอส ในไนจีเรีย ทีมสถานที่, แผนกศิลป์, ผู้ตกแต่งฉาก และทีมผู้สร้างสามารถสร้างความสมจริงของสภาพแวดล้อมต่างๆด้วยการคัดเลือกนักแสดงประกอบหลายร้อยชีวิตเพื่อสร้างความคึกคักให้เหมือนกับเมืองลากอส
– ในวันทึ่ 18 มิถุนายน 2015 ในโรงถ่ายของ ไพน์วู้ด แอตแลนต้า สตูดิโอส์ ฉากแรกในประวัติศาสตร์การรวมตัวของซีวิล วอร์ ได้เริ่มต้นถ่ายทำ เป็นการนำอเวนเจอร์สมาเผชิญหน้ากันทั้ง 2 ทีม นำโดยกัปตัน อเมริกา และ โทนี่ สตาร์ค ซึ่งทีมผู้สร้างได้ตั้งชื่อเล่นสำหรับเรียกการต่อสู้สุดคลาสสิคนี้ว่า “Splash Panel,” เพราะว่ามันเหมือนกับภาพวาดหน้าคู่ในหนังสือการ์ตูน “Splash Panel,” คือหนึ่งในฉากที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมาร์เวลที่มีการปฏิสัมพันธ์มากที่สุเท่าที่เคยเห็นมาในหนังของมาร์เวล ฉากนี้ถูกถ่ายด้วยกล้องไอแมกซ์ เพื่อให้แฟนๆได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม
– ภาพยนตร์เรื่องยี้ยังมีรถยนต์ที่ทันสมัยที่สุดในโลกที่ ที’ชัลล่า/แบล็ค แพนเธอร์ ขับอีกด้วย ทีมผู้สร้างได้เลือกอาวดี้ ที่ส่งรถยนต์ต้นแบบสุดไฮ-เทคเพื่อมาใช้ในการถ่ายทำ รถยนต์สุดเจ๋งคันนี้มีทุกเทคโนโลยีใหม่ที่อาวดี้มีแต่ยังไม่เคยถูกนำออกมาผลิต จับตาดูในหนังให้ดี คุณจะไม่ได้เห็นมันที่ไหนอีก
– ในส่วนของตารางการถ่ายทำในเยอรมัน เป็นเหมือนการต้อนรับกลับบ้านของนักแสดง ดาเนียล บรูห์ล ที่อาศัยอยู่ในกรุงเบอร์ลิน และเป็นเจ้าของภัตตาคารที่นั่นด้วย การถ่ายทำในเบอร์ลินทำให้บรูห์ล มีโอกาสได้ตอบแทนน้ำใจไมตรีแบบทางใต้ที่เขาได้รับจากเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆในแอตแลนต้า โดยการเชิญพวกเขาไปทานอาหารและสนุกสนานกันที่ร้านของเขา
– ซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ที่ถูกนำเข้าสู่จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลใน “กัปตัน อเมริกา: ซิวิล วอร์” ก็คือ ที’ชัลล่า หรือแบล็ค แพนเธอร์ ที่รับบทโดย แชดวิค โบสแมน ตัวละครที่ถูกตั้งตารอมากที่สุดตัวหนึ่ง ปรากฎตัวด้วยความไม่เห็ฯด้วยกับทั้งสองภาพยในสงครามซิวิล วอร์ เพราะเขาก็มีจุดประสงค์ของเขาเอง แบล็ค แพนเธอร์ จะมีภาพยนตร์ของตัวเองในปี 2018
– รูปแบบการต่อสู้ของกัปตัน อเมริกา มีพื้นฐานจากศิลปะป้องกันตัวดั้งเดิมเช่น ยูโด, คาราเต้, เทควันโด้, และไอคิโด้ แต่แบล็ค แพนเธอร์ หนึ่งในนักศิลปะป้องกันตัวที่เก่งที่สุดในจักรวาลมาร์เวล มีรูปแบบการต่อสู้ที่มากกว่านั้นโดยมีพื้นฐานจาก คาโปเอร่า ซึ่งเป็นศิลปะการป้องกันตัวแบบบราซิลที่รวมเอา กายกรรม, การเต้น, และดนตรี เข้าด้วยกัน และเขายังได้แรงบันดาลใจจากประเทศจีนในการใช้กังฟูอีกด้วย
– ชุดของแบล็ค แพนเธอร์ ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อใส่ความเป็นเสือดำ การให้ความรู้สึกเหมือนแมวและความเป็นแอฟริกันในการตกแต่งชุด ด้วยรองเท้าแบบมินิมัลที่เพิ่มการอำพรางตัวและยึดให้ชุดอยู่กับพื้น และให้ความรู้สึกเหมือนชุดนินจา
– ฮอว์คอายกลับมาพร้อมอาวุธใหม่บางอย่าง รวมทั้งกระบองที่พับได้สำหรับการต่อสู้ระยะประชิด คันธนูที่เป็นสัญลักษณ์ของเขาได้รับการปรับแต่งเช่นเดียวกัน มันกลายเป็นธนูแบบถนัดซ้ายสำหรับนักแสดง น้ำหนักเบาขึ้นและใช้งานง่ายขึ้น ชุดของเขาก็เปลี่ยนไป ด้วยแจ็คเก็ตแขนยาวแทนที่จะเป็นเสื้อกั๊กเช่นเดียวกับการกลับมาใช้สีม่วงแบบดั้งเดิมอีกด้วย
– บร็อค รัมโลว์ หรือ ครอสโบนส์ รับบทโดยแฟรงค์ กริลโล มีถุงมือแบบเครื่องเจาะหินที่ช่วยเพิ่มพลังหมัดของเขา
– แอนโธนี แม็กกี้ มีความสุขมากกับการอัพเกรดชุดฟอลคอนของเขา เขารู้สึกเหมือนเป็นอเวนเจอร์มากขึ้นเมื่อชุดของเขาทันสมัยและคล่องตัวขึ้น นี่ยังไม่รวมส่วนที่เขาชอบที่สุดอย่างสีแดงที่ปีกทั้งสองข้าง
– สการ์เล็ต วิทช์ ที่ตอนนี้เป็นเวนเจอร์สเต็มตัว ชุดของอลิซาเบ็ธ โอลเซ่น ได้รับการปรับปรุงเช่นเดียวกับสถานะใหม่ของเธอ ตอนนี้เธอมีชุดหนังแบบซูเปอร์ฮีโร่ พร้อมเสื้อโค้ทที่ออกแบบด้วยการคำนึงถึงการเคลื่อนไหวเป็นยหลัก
– ชุดแอนท์-แมน ของพอล รัดด์ มีการปรับแต่เล็กน้อยสำหรับหนัง “กัปตัน อเมริกา: ซิวิล วอร์” ชุดใหม่ดูคล่องตัวและทันสมัยขึ้น หมวกไม่มีสายเคเบิ้ลที่ติดอยู่ด้านหลังแล้ว และมีเสาอากาศยืดขึ้นจากด้านล่าง ตัวควบ คุม(เรคกูเลเตอร์)ก็ไม่มีหน้าปัดแล้ว
– เมื่อสายสลิงไม่สามารถใช้ได้ พอล เบ็ตตานี ใช้แอร์บอร์ดในการบินไปมาในบทวิชั่น แอร์บอร์ดคือบอร์ดติดล้อที่ใช้แรงกดจากปลายเท้าและส้นเท้า มันเลียนแบบจากฮูเวอร์บอร์ด และมันสามารถวิ่งได้ถึง 12 ไมล์ต่อชั่วโมง เบ็ตตานีใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีในการฝึกใช้เจ้าแอร์บอร์ด และมันช่วยทำให้เห็นภาพการลอยของตัวละครได้
Leave a Reply