บ.สยามสแตนดาร์ด ร้องศาลปกครองตรวจสอบ รมว.คมนาคม

บ.สยามสแตนดาร์ด ร้องศาลปกครองตรวจสอบ รมว.คมนาคม จงใจให้ ขสมก.ละเมิดคำสั่งศาลฯ กรณีจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน

(19 เมษายน – สำนักงานศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ) นายดรัณ ภูรีสถิต ผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท สยามสแตนดาร์ด เอนเนอจี้ จำกัด บริษัทผู้เข้าร่วมประมูลโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน เมื่อ 4 ตุลาคม 2560 พร้อมทนายความ ยื่นหนังสือร้องต่อศาลปกครองขอให้มีคำสั่งไต่สวน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) นายสมควร นาสนม ประธานกรรมการตรวจรับรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน วงเงิน 4,221 ล้านบาทเศษ จากกลุ่มทำงาน SCN-CHO โดยบริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) และบริษัท สแกนอินเตอร์ จำกัด (มหาชน) โดยทั้ง 3 คนนี้มีเจตนาจงใจละเมิดคำสั่งศาลปกครองกลาง เมื่อ 10 เมษายน 2561 ที่ให้ระงับการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน รวมถึงห้ามซ่อมแซมรถ และงดดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถเมล์เอ็นจีวีทั้งหมดแม้กระทั่งที่วิ่งอยู่บนถนนจำนวน 100 คัน

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืน และ ชุดสูท

“ขบวนการมุบมิบจัดซื้อจัดจ้างรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 489 คัน จากกลุ่มทำงาน SCN-CHO โดยบริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) และบริษัท สแกนอินเตอร์ จำกัด (มหาชน) ส่งกลิ่นเหม็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ว่า ทำไมถึงจัดซื้อจัดจ้างได้ทั้งๆ ที่ไม่มีมติของบอร์ด ขสมก.ออกมาว่าให้ดำเนินการได้ แต่แอบทำกัน โดยคิดว่าประชาชนตาดำๆ ไม่รู้เรื่องการโกงกินดังกล่าว ที่เรียกว่าโกงกิน เพราะว่าการประมูลรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันในครั้งนี้ ราคาสูงกว่าการประมูลของ บริษัท เบสท์ริน ที่ชนะการประมูลครั้งแรกราคาเพียง 3,300 ล้านบาท แต่ครั้งที่ 2 โดยกลุ่มทำงานของ บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ชนะการประมูลไปที่ 4,221 ล้านบาท เรียกได้ว่า ขสมก.เอาภาษีประชาชนไปจ่ายค่ารถเมล์แพงกว่าเดิมกว่า 900 ล้านบาท โดยได้รถเมล์จำนวน 489 คัน เท่ากัน แต่จากการสืบทราบพบว่าคุณภาพรถเมล์ไม่ดีเท่ากับการประมูลโดบบริษัทเบสท์ริน หลังจากที่เห็นถึงเจตนาของ ขสมก.แล้วจึงได้ยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง และศาลฯ ได้มีคำพิพากษาให้ระงับการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีดังกล่าว รวมถึงห้ามซ่อมแซมรถ และหยุดการกระทำอันเกี่ยวเนื่อง เช่น ห้ามให้รถเมล์เอ็นจีวี 100 คันที่ส่งมอบไปแล้วหยุดวิ่งไว้ก่อน แต่หลังจากมีคำสั่งศาลฯ แล้ว ในวันรุ่งขึ้นรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ลักษณะจงใจเปิดช่องให้ ขสมก.ละเมิดคำสั่งศาลฯ โดยยังคงให้ทำการรับมอบรถเมล์ที่เหลืออีก 389 คันต่อไป จึงได้พาทีมทนายมาร้องขอให้ศาลปกครองกลางไต่สวน รมต.ว่าการกระทรวงคมนาคมและพวกทันที”

ด้านนายสันต์ โชคพงษ์อุดมชัย ฐานะทนายความผู้แทนยื่นคำร้องให้ไต่สวนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และพวก กล่าวว่า “จากเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ ขสมก.ระงับการจัดซื้อจัดจ้างรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน เป็นเงินถึง 4,221 ล้านบาทเศษ แต่ต่อมารัฐมนตรีคมนาคม เจตนาจงใจเปิดช่องให้ ขสมก.ละเมิดคำสั่งศาลปกครองกลาง โดยให้ ขสมก.เดินหน้ารับมอบรถเมล์เอ็นจีวีที่เหลืออีก 389 คัน พร้อมกับที่ไม่ยอมระงับการวิ่งรถเมล์เอ็นจีวี 100 คันที่อยู่บนถนน รวมถึงการซ่อมแซมรถด้วย ที่สำคัญมีการสืบทราบว่ามีการลักลอบแอบไปจดทะเบียนรถเมล์เอ็นจีวีหลังจากที่ศาลฯ มีคำพิพากษา เรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ของการเจตนาจงใจละเมิตคำสั่งศาลปกครองกลาง ซึ่งต้องดำเนินการเด็ดขาดตามมาตรา 75/4 ว่าด้วยรายละเอียดคือ “ถ้าปรากฏว่าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครอง ให้ถูกต้องครบถ้วน หรือล่าช้าเกินสมควร ซึ่งรวมถึงกรณีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการใดฯ เพื่อบรรเทาทุกคู่กรณีที่เป็นมาตรการชั่วคราวด้วย ศาลปกครองมีอำนาจไต่สวนแสวงหาข้อเท็จจริง สามารถปรับและลงโทษตามวินัยแก่เจ้าหน้ารัฐคนดังกล่าวได้ ฯลฯ” พวกเราในฐานะประชาชนมองเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลของเจ้าหน้าที่รัฐระดับรัฐมนตรี และพวกพ้อง จึงจำเป็นต้องเดินหน้าเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ จึงมาร้องต่อศาลฯ วันนี้ว่าให้ทำการไต่สวนผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐมนตรีที่ละเมิดคำพิพากษาของศาลปกครองกลางดังกล่าว เพื่อหาข้อเท็จจริงมาบอกกล่าวกับประชาชนที่รอฟังคำตอบอยู่ว่ารัฐมนตรีมีอำนาจเหนือกว่าคำพิพากษาของศาลฯ หรืออย่างไร” นายสันต์ กล่าว

####

 

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*